วันพฤหัสบดีที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

ประวัติปาโต้

แม้ จะเปิดตัวไม่หวือหวากับเอซี มิลาน แต่ไม่มีใครปฏิเสธว่า อเล็กซานเดอร์ ปาโต้ กำลังจะเดินตามรอยดาวเตะบราซิลเลี่ยนรุ่นพี่ๆ ในถิ่นซาน ซิโร่ นั่นคือ พัฒนาฝีเท้าจนก้าวสู่ระดับซูเปอร์สตาร์ได้ในอนาคต



ชื่อจริงๆ ของเขาก็คือ อเล็กซานเดอร์ โรดริเกซ ดา ซิลวา แต่สุดท้ายเขาเลือกใช้ชื่อเรียกเล่นง่ายๆ ในหมู่คนสนิทว่า "ปาโต้" ตามชื่อเมืองเกิดของเขาคือ ปาโต้ บรังโก้
ปาโต้ แปลว่า "เป็ด" จึงเป็นที่มาของฉายา "ปาโต้ เดอะ ดั๊ค" ที่เราคุ้นเคยในทุกวันนี้นั่นเอง
ปาโต้เริ่มต้นจากการเล่นฟุตซอล ตั้งแต่อายุ 4ขวบ และเดินสายแข่งจนชื่อของเขาเป็นที่รู้จักไปทั่วรัฐปาราน่า
ในปี 2000 เมื่อปาโต้อายุได้ 10 ปี เกิดจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญในชีวิต เมื่อเขาเคยได้รับบาดเจ็บกระดูกแตก และในการเข้ารับการเอ็กซเรย์รักษาก็ทำให้พบก้อนเนื้อที่แขน ซึ่งแพทย์ได้วินิจฉัยว่าจะกลายเป็นมะเร็งในอีก2 เดือนหากไม่ผ่าตัดออก
ครอบครัวของเขายากจนไม่มีเงินพอที่จะจ่ายค่าผ่าตัด แต่คุณหมอเปาโล โรแบร์โต้ มุสซี่ ซึ่งสนิทสนมกับครอบครัวนี้ ได้ช่วยผ่าตัดเนื้อร้ายออกให้ โดยไม่คิดค่ารักษา
ช่วยให้ปาโต้ยังสามารถโลดแล่นในวงการลูกหนัง และด้วยพรสวรรค์ที่มีมากล้นของเขา ทำให้เจ้าตัวได้รับการทาบทามไปเล่นฟุตบอลอาชีพ โดยมีกุนซือหลายสโมสรให้ความสนใจ
สุดท้ายปาโต้ในวัย 11 ขวบก็มุ่งหน้าไปปอร์โต้ อเลเกร เพื่อทดสอบฝีเท้ากับสโมสรอินเตอร์นาซิอองนาล และถูกตอบรับเข้าเป็น 1 ในสมาชิกของทีมเยาวชน
เขาและเด็กหนุ่มวัยรุ่นอีก 83คน ที่เก็บตัวพักในบ้านเดียวกัน ต่างมีจุดมุ่งหมายเดียวคือต้องการก้าวขึ้นไปเล่นในทีมชุดใหญ่ของอินเตอร์นา ซิอองนาลให้ได้
หลังจากเพียรฝึกฝนตัวเองในทีมเยาวชนอยู่หลายปี ปาโต้ก็ได้รับโอกาสก้าวขึ้นมาเล่นชุดใหญ่ และลงสนามนัดแรกให้อินเตอร์นาซิอองนาลในแมตช์ที่ชนะพัลไมรัส 4-1 เมื่อวันที่ 26 พ.ย.2006


และชื่อของเขาก็โด่งดังข้ามคืน เมื่อหัวหอกวัย17 ปีผู้นี้ ยิง 1 ประตู และจ่ายอีก 3 ให้เพื่อนยิง
ปาโต้ทำประตูที่2 ให้ต้นสังกัดในเกมรอบรองชนะเลิศ ฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรโลกของฟีฟ่าในปี 2006 ซึ่งอินเตอร์นาซิอองนาลชนะอัล อาห์ลี ไคโรไป 2-1
ด้วยประตูนี้ ทำให้ปาโต้ทำลายสถิติของเปเล่ ที่เป็นนักเตะอายุน้อยที่สุดที่ทำสกอร์ในการแข่งขันระดับนานาชาติของฟีฟ่า ในวัน 17 ปี 102วัน (ของเปเล่ 17ปี 239 วัน ทำได้ในฟุตบอลโลก 1958)
ปาโต้ถูกเปลี่ยนตัวออกในเกมนัดชิงชนะเลิศรายการนั้น ก่อนที่อาเดรียโน่ กาบิรู เพื่อนร่วมทีมจะยิงประตูชัยช่วยให้อินเตอร์นาซิอองนาลคว้าแชมป์สโมสรโลกมา ครองได้สำเร็จ
จากผลงานที่แจ้งเกิดตัวเองอย่างสวยงามเช่นนี้ ทำให้ปาโต้ได้รับความสนใจจากหลายสโมสรในยุโรป ทั้งเบนฟิก้า, มิลาน, ยูเวนตุส, อินเตอร์, เชลซี, อาร์เซน่อล ฯลฯ
แต่สุดท้าย เขาก็เลือกย้ายมาเป็นสมาชิกใหม่ของทีมปีศาจแดงดำ โดยมิลานทุ่ม 22 ล้านยูโร ซื้อขาดสัญญาของเขาและประกาศคว้าตัว"เดอะ ดั๊ค" มาเป็นสมาชิกใหม่อย่างเป็นทางการในวันที่ 2 ส.ค. 2007
แต่ด้วยอายุยังไม่ครบ 18 ปีเต็ม ทำให้เขายังไม่สามารถลงเล่นได้ ต้องรอให้ถึงวันเกิดวันที่ 3 ส.ค. 2007
อย่างไรก็ตาม ปัญหายังไม่หมด เมื่อลีกอิตาลีมีการกำจัดโควตาผู้เล่นนอกอียู ทำให้ปาโต้ยังไม่สามารถลงเล่นในเกมอย่างเป็นทางการให้มิลานได้
เขาได้รับอนุญาตให้ลงเล่นได้แค่ในเกมอุ่นเครื่อง และเกมซ้อมเท่านั้น และเจ้าตัวก็ทำผลงานได้ดีตั้งแต่เกมอุ่นเครื่องที่เสมอกับดินาโม เคียฟ 2-2 ในวันที่ 7 ก.ย. 2007 เมื่อโหม่งพังประตูได้
การรอคอยของปาโต้สิ้นสุดลงเมื่อมีการเปิดตลาดซื้อขายรอบสองนับตั้งแต่วัน ที่  3 ม.ค. 2008 ทำให้วันรุ่งขึ้นเขากลยาเป็นสมาชิกใหม่อย่างเป็นทางการของมิลาน และเป็น 1 ใน 3 นักเตะโควตานอกอียูของสโมสร
ปาโต้ยิงประตูแรกในสีเสื้อปีศาจแดงดำ ทันทีที่ลงเล่นในเกมเซเรีย อา นัดแรก ซึ่งมิลานถล่มนาโปลี 5-2 เมื่อวันที่ 13 ม.ค. 2008


และทุกวันนี้ แม้จะมีคู่แข่งในแดนหน้ามากมาย แต่ปาโต้ก็ทุ่มเทเต็มที่เพื่อพัฒนาฝีเท้าของเขา เพื่อก้าวสู่ความสำเร็จ โดยมีสาวกรอสโซ่เนรี่ให้กำลังใจอยู่ตลอดเวลา
สำหรับผลงานในทีมชาติบราซิลนั้น เจ้าหนูปาโต้คว้าแชมป์เยาวชนอเมริกาใต้ในปี2007ร่วมกับทัพแซมบ้า ซึ่งทำให้พวกเขาทะลุเข้ารอบสุดท้ายฟุตบอลโลกยู20ของฟีฟ่าในปีเดียวกัน
จากนั้นเดอะ ดั๊ค ถูกคาร์ลอส ดุงก้า กุนซือเซเลเซาเรียกตัวติดธงชุดลุยโอลิมปิก 2008ที่กรุงปักกิ่ง ประเทศจีน ซึ่งคว้าเหรียญทองแดงมาครองได้
ปัจจุบัน ปาโต้ก้าวขึ้นเป็น1ในขุมกำลังสำคัญของทีมชาติบราซิลชุดใหญ่ เขายิงประตูแรกในนามทีมชาติได้ในเกมประเดิมนัดแรกกับสวีเดน ที่สนามเอมิเรตส์ สเตเดี้ยม กรุงลอนดอน เมื่อวันที่ 26 มี.ค.2008
และเป็นอีกครั้งที่เขาทำลายสถิติของเปเล่ ในการใช้เวลาแค่ไม่กี่วินาทียิงประตูแรกให้ทัพเซเลเซาในเกมแรกที่ลงสนามด้วย
ทำเนียบความสำเร็จ
อินเตอร์นาซิอองนาล
แชมป์ฟีฟ่า สโมสรโลก 2006
แชมป์เรโคปา ซูดาเมริกาน่า 2007
แชมป์บราซิลเลี่ยน แชมเปี้ยนชิพ ยู-20
ทีมชาติบราซิล
แชมป์อเมริกาใต้ยู-20
แชมป์เซนได คัพ 2006
อันดับ 3 (เหรียญทองแดง)โอลิมปิก 2008

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น